วันที่ออกรางวัล 01 มิถุนายน 2567

วิธีการรับรางวัล

ผู้ถือสลากที่ถูกรางวัลสามารถขึ้นเงินรางวัลได้ภายใน 2 ปี นับจากวันออกรางวัล หากพ้นกำหนดจะไม่สามารถรับเงินรางวัลได้ สำหรับวิธีการรับเงินรางวัลมีรายละเอียดดังนี้

รางวัลไม่เกิน 20,000 บาท

• สามารถขึ้นเงินรางวัลได้ที่ตัวแทนจำหน่ายสลากทั่วประเทศ
• ธนาคารที่เป็นตัวแทนรับขึ้นเงินรางวัล เช่น ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
• สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สาขาทุกแห่ง

รางวัลเกิน 20,000 บาท

• ต้องขึ้นเงินที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (สำนักงานใหญ่) หรือสาขาในต่างจังหวัด
• ต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนหรือเอกสารแสดงตัวตนที่ออกโดยหน่วยงานราชการ
• สลากต้องไม่ฉีกขาด ชำรุด หรือมีร่องรอยการแก้ไข

ทั้งนี้ ควรตรวจสอบผลการออกรางวัลจากแหล่งข้อมูลที่เป็นทางการเสมอ เพื่อการยืนยันความถูกต้องของข้อมูล และป้องกันการถูกหลอกลวง

ลิงก์เว็บไซต์ทางการ

เพื่อความถูกต้องและเป็นทางการของข้อมูลผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ผู้ถือสลากควรตรวจสอบผลรางวัลจากเว็บไซต์ทางการของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งมีการปรับปรุงข้อมูลอย่างเป็นระบบและน่าเชื่อถือ

เว็บไซต์ทางการ: https://www.glo.or.th

ที่เว็บไซต์ทางการนี้ ท่านจะได้รับข้อมูลครบถ้วนเกี่ยวกับ:

• ผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดล่าสุดและย้อนหลัง
• กำหนดการออกรางวัลในงวดถัดไป
• ข่าวประชาสัมพันธ์และข้อมูลสำคัญจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
• รายละเอียดเกี่ยวกับการรับเงินรางวัลและกฎระเบียบต่างๆ

ทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลขอให้ประชาชนระมัดระวังเว็บไซต์ที่แอบอ้างเป็นเว็บไซต์ทางการ และควรตรวจสอบความถูกต้องของ URL ทุกครั้งก่อนใช้งาน

การจัดสรรเงินรายได้จากสลากกินแบ่งรัฐบาล

รายได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลถูกนำไปจัดสรรเพื่อประโยชน์ของสังคมไทยในหลากหลายด้าน โดยแบ่งสัดส่วนตามที่กฎหมายกำหนด เงินรายได้แต่ละส่วนมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาประเทศในมิติต่างๆ

การจัดสรรเงินรายได้

• ร้อยละ 60 จัดสรรเป็นเงินรางวัลสำหรับผู้ถูกรางวัล
• ร้อยละ 20 นำส่งเป็นรายได้แผ่นดินเพื่อนำไปพัฒนาประเทศ
• ร้อยละ 12 เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานและค่าใช้จ่ายในการจำหน่าย
• ร้อยละ 8 จัดสรรเป็นเงินกองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม

ตัวอย่างโครงการที่ได้รับการสนับสนุน

1. ด้านการสาธารณสุข: สลากกินแบ่งรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณสนับสนุนการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลและจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลในพื้นที่ห่างไกล เพื่อพัฒนาการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของประชาชน โดยในปีที่ผ่านมามีการมอบเงินสนับสนุนโรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 200 ล้านบาท

2. ด้านการศึกษา: มีการจัดตั้งกองทุนการศึกษาและมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนและนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ทั่วประเทศ รวมถึงสนับสนุนการก่อสร้างอาคารเรียนและห้องสมุดในโรงเรียนที่ขาดแคลน โดยในปีที่ผ่านมามีการอนุมัติงบประมาณกว่า 150 ล้านบาทเพื่อสนับสนุนโครงการด้านการศึกษา

3. ด้านสังคมสงเคราะห์: มีการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ และผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ผ่านโครงการบรรเทาความเดือดร้อนและการพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น การสร้างที่อยู่อาศัยให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม และการสนับสนุนกิจกรรมของมูลนิธิที่ช่วยเหลือผู้พิการ